วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ว่าที่ นายกฯอบจ.นครพนม ในปีนี้ และ ว่าที่ สส.นครพนม ในสมัยหน้า


นักการเมืองหน้าใหม่  สายเลือดข้าวนอกนาพันธุ์เก่า
ว่าที่ นายกฯอบจ.นครพนม ในปีนี้  และ ว่าที่ สส.นครพนม ในสมัยหน้า
น.ส.ณัฎฐ์พัชร์  ยงใจยุทธ  หรือ น้ำผึ้ง   หลานสาว พล.เอก ชวลิต  ยงใจยุทธ ประกาศลงสมัครเลือกตั้ง  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม  ในเดือน เมษายน ปีนี้
ถ้าเธอชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้  ก็เป็นสัญญานบอกว่า  คนสายเลือดนครพนม เขต 1  หมดสิทธิ์ที่จะได้ลงเล่นการเมืองระดับชาติ อย่างถาวร

ว่าแต่ว่าที่จู่ๆก็โผล่หน้ามานี่  เธอเป็นใคร มาจากไหน ล่ะ  ก็เชื่อเหลือเกินว่า คนนครพนมจำนวนเป็นแสนๆก็คงไม่มีใครรู้จักประวัติหัวนอนปลายเท้าของเธอ พอๆกับเรา    แต่ อะไรก็คงจะไม่สำคัญเท่ากับ นามสกุลของเธอ  ฐานคะแนนเดิมๆ และ ทุนที่เพรียบพร้อม  ซึ่งฝ่ายผู้สนับสนุนเธอก็มั่นใจ " ล้านเปอร์เซ็นต์ "  ว่า  ตำแหน่ง นายก. อบจ.นครพนม นี้  ไม่มีทางพลาดจากมือเธอไปได้แน่นอน

oooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo

ขอยืมบทความจาก  มติชนออนไลน์ มาให้อ่าน


วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555   เวลา  19:00:00
มติชนออนไลน์

สนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครพนมเมืองริมฝั่งโขง ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 19 เมษายนนี้ กำลังถูกจับตาว่าจะเป็นศึกดุเดือดอีกสนามหนึ่งในจังหวัดภาคอีสาน  นั่นเพราะเป็นศึกแดงเดือด! 
เมื่อ พล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ  อดีตนายกรัฐมนตรี  แม่ทัพใหญ่สนามการเมืองนครพนมประกาศส่งหลานสาวคนสวย ลงชิงชัยนายกฯ อบจ.นครพนม 
น.ส.ณัฎฐ์พัชร์  ยงใจยุทธ  หรือ น้ำผึ้ง  หน่อแนวของบิ๊กจิ๋ว ต้องปะทะกับแชมป์เก่า สมชอบ  นิติพจน์ นายก อบจ.คนปัจจุบัน 

น้ำผึ้ง ขันอาสามาเพื่อขอรับใช้ชาวนครพนม เพราะต้องการให้นครพนมเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น  เพื่อประชาชนในพื้นที่จะได้อยู่ดีกินดี มีอาชีพ มีรายได้ 

“เคยไปพบอดีต นายกฯทักษิณ เพื่อปรึกษาเรื่องลงสมัคร นายก อบจ.นครพนม  ท่านก็ได้มีการฝากให้ ส.ส.เพื่อไทย  ให้การสนับสนุน  ดิฉันจะทำให้ให้ดีที่สุดในการลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน  รับทราบปัญหาที่จะเป็นแนวทางมาพัฒนานครพนม อย่างจริงจัง  โดยที่ผ่านมาก็ถือว่ามีการตอบรับที่ดี  เพราะสิ่งสำคัญเป้าหมายของตนคือ อยากมาทำงานพัฒนานครพนมให้เจริญก้าวหน้ามากที่สุด” 


วันนี้ น้ำผึ้ง  มี มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย นำหน้าพาลงพื้นที่หาเสียง 

ขณะที่  สมชอบ  นิติพจน์  ก็พร้อมลงป้องกันแชมป์อย่างแน่นอน 

เขามั่นใจว่า มีประสบการณ์ทำงานการเมืองมานาน ผ่านกระบวนการเลือกตั้งมาตลอด มีผลงานที่ได้พัฒนาบ้านเมืองต่อเนื่อง  ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนอยู่แล้วหลายโครงการ  แต่อาจมีบางโครงการที่ต้องใช้เวลาในการสานต่องานให้ประสบความสำเร็จ 

และ สมชอบ เป็นศิษย์รักของ ไพจิต ศรีวรขาน  ส.ส.นครพนม เขต 3 พรรคเพื่อไทย 

ไพจิต พยายามไกล่เกลี่ยให้ น้ำผึ้ง  มานั่งตำแหน่งรองนายกฯ  โดยให้ สมชอบ มีโอกาสในการสานงานต่อสมัยที่ 2  เพื่อลดการแข่งขัน และปัญหาความขัดแย้ง  เพื่อให้การพัฒนานครพนมเป็นเอกภาพ   

แต่ว่าได้รับการปฏิเสธ 


ส.ส.มนพร บอกว่า จากการประเมินในการลงพื้นที่หาเสียง น้ำผึ้ง ได้รับการตอบรับที่ดี แต่ก็ต้องจะมีการทำโพลสำรวจอีกครั้งหนึ่ง 

“ที่สำคัญคือมาถึงวันนี้ คุณน้ำผึ้งได้เดินทางมาไกลแล้ว  เธอเตรียมพร้อมลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่ง นายก อบจ. ตามที่มีข่าวจะให้ไปนั่งรองนายกฯร่วมกับคนอื่นนั้น คงยาก” 

ต้องจับตาดูว่า นครพนม จะเป็นอีกศึกของแดงเดือด เหมือนกับที่เกิดขึ้นที่ชัยภูมิและโคราชหรือไม่ 


ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo

ไม่ว่าผลการเลือกตั้ง นายก. อบจ. นครพนม  ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร  ก็มองเห็นความชัดเจนใน  วัฒนธรรมการสร้างทายาทการเมืองของ " ทุนการเมืองต่างถิ่น " ที่เข้ามายึดนครพนมเป็นฐานที่มั่นอย่างเหนียวแน่น   และ คง ยึดแนวทางการใช้เวทีระดับท้องถิ่นนี้ ปูทางไปสู่การเมืองระดับชาติ เหมือนกับที่ผ่านๆมา   
     ที่สำคัญ หากว่า เธอผู้นี้ชนะการเลือกตั้ง  ก็จะเป็นการปิดประตูตีแมวอย่างถาวร  สำหรับชาวนครพนมแท้ๆ    ที่คิดอยากจะลงเล่นการเมืองเพื่ออาสามารับใช้พ่อแม่พี่น้อง  ตามเจตนารมณ์ของคำว่า " ผู้แทนราษฎร    โดยท้องถิ่น เพื่อท้องถิ่น  "      
ก็ขอให้พวกเราทุกคน ช่วยกันพิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรม และคำนึงถึงศักดิ์ศรีของชาวนครพนม ด้วยว่า   การเมืองลักษณะ ตัวแทนเพียงหนึ่ง ( ผัวเมียลูกหลานญาติพี่น้อง ) แต่ข้ามหัวคนท้องถิ่นนครพนมเป็นแสน  สมควรจะเกิดขึ้นต่อไปอีก หรือไม่

สวัสดี







วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

จะทำอย่างไร กับปัญหาความยากจน



ประกาศ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี  ในวันที่   18   มกราคม   2555
การปรับ ครม. ครั้งแรก ในรอบ 6 เดือนของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์  ชิณวัตร




                          นับแต่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์  ชิณวัตร  บริหารประเทศมาครบ  6  เดือน  ก็ถึงเวลาต้องปรับครม.เป็นครั้งแรก   และสาธารณชนก็ได้เห็นโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ว่า ใครเป็นใคร ไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนจะด้วยเหตุผลประการใดก็คงเป็นเรื่องของเธอคนเดียวที่รู้แก่ใจดี  แต่เมื่อนักข่าวไปถามถึงเหตุผลของการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้  เธอก็ตอบว่า " เพื่อความเหมาะสมและความคล่องตัวในการทำงาน  "  และยังยืนยันอย่างหนักแน่นอีกว่า "  โผ ครม.ชุดใหม่นี้  เธอเป็นคนทำเองกับมือในประเทศ  ไม่มีคนนอกมายุ่งเกี่ยวด้วย "  การใช้คำพูดเหตุผลในลักษณะนี้  ก็เหมือนอดีตนายกฯ ชายคนก่อนๆที่ใช้ตอบนักข่าว แบบมักง่ายไม่หวังผล คือ จะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจ


                  แต่ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาดีบุคลิกภาพดี  เมื่อใครๆได้ฟังเธอพูดประโยคนี้แล้ว ก็คงจะรู้สึกว่า " ที่พูดนี่ มันจริง งั้นเรอะ " และที่สำคัญ ผลลัพธ์ที่ออกมามันช่างต่างจากนักการเมืองชายเป็นอย่างมาก   เธออาจจะยังไม่ทราบว่า    ผู้สนับสนุนให้เธอชนะการเลือกตั้งนอกจากคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งแล้ว  ก็มีศรัทธาจากคนหนุ่มสาววัยเรียนวัยทำงานจำนวนหลายล้าน  ที่ส่วนใหญ่เลือกเธอ   ก็เพราะต้องการได้นายกรัฐมนตรีที่เป็น ผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย  และคนสูงวัยอีกจำนวนไม่น้อย  ก็เลือกเธอเพราะเชื่อมั่นว่า  ความเป็นนายกฯ ผู้หญิงจะทำให้บ้านเมืองสงบ


                       ความเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการมาเพียงครึ่งปี   ดังนั้น การพูดจาให้สัมภาษณ์ในที่สาธารณะจึงฟังดูไม่ค่อยธรรมชาติฉาดฉานเหมือนนักการเมืองอาชีพ    ตามที่สื่อค่ายต่างๆได้ตั้งข้อสังเกตุว่า เธอพูดไปตามบท มากกว่าจะเป็นตัวของตัวเอง  และคำพูดของเธอในหลายวาระมันก็ฟังขัดหูจริงอย่างที่เขาว่า    จึงเห็นได้ว่า การจะพูดให้คนเชื่อถือและวางใจ โดยที่คนฟังคนเชียร์ไม่ต้องถอนหายใจ  นับเป็นภาระกิจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเธอเอง  ซึ่งเรื่องนี้ใครๆหรือแม้แต่แฟน  ก็คงจะทำแทนไม่ได้  และก็คาดว่า คำพูดบางคำบางประโยคของเธอที่หลุดออกไป มันอาจจะย้อนกลับมารุมเร้าให้เธอหนักใจยิ่งกว่า  การตอบกระทู้ในสภาเสียอีก  

  
                 ก็เอาเถอะ  เมื่อประชาชนได้เลือกเธอมาแล้ว  ประเทศชาติก็บอบช้ำมามากแล้ว   เราก็เชื่อว่า ไม่มีเหตุผลอันใดที่ " เธอจะปฏิเสธ การทำงานแต่เรื่องดีๆให้ประเทศชาติ และช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นอันดับต้นๆ   โดยไม่คิดที่จะไปทำเรื่องใดๆให้ตัวเองก่อน หรือ จะทำเรื่องใดๆก็ได้   "    เพราะภาระอันหนักหน่วงที่รอให้เธอดูแลแก้ไขนั้นมีมากมาย  ไม่ว่า  การดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข  การดูแลเยียวยาผู้ประสบมหาอุทกภัย   โดยเฉพาะนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนที่ยังค้างคามาหลายรัฐบาล  เรื่องหนี้สินเกษตรกร ปัญหาหนี้สินในครอบครัว  จากความไม่มั่นคงในอาชีพและการมีรายได้ไม่แน่นอน เพราะงานหายรายได้หด และที่สำคัญ คือ  เรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด  อันเนื่องมาจากปัญหาข้าวของแพงไปตามราคาน้ำมัน โดยที่ฝ่ายรัฐไม่เคยเอาชนะพ่อค้าได้แม้สักครั้ง  ต้องปล่อยให้ประชาชนแบกภาระไปตามลำพัง  โดยเฉพาะคนในชนบทต้องซื้อสินค้าแพงกว่าคนในเมือง ฯลฯ   จึงฝากให้เธอลองทบทวนใหม่อีกครั้งว่า  การใช้เงินแก้ปัญหาความยากจน เพียงอย่างเดียวนี่  มันเป็นคำตอบสุดท้าย จริงใหม ?   และฝากให้ ครม.ชุดใหม่ในรัฐบาลของเธอช่วยกันคิดดูว่า  ปัญหาความยากจนนี่ ควรจะมีแนวทางปฏิบัติให้ถูกจุดตรงเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร   ให้สมกับความคาดหวังของคนที่เขาเลือกพวกท่าน  ก่อนที่อะไรๆ  จะเปลี่ยนไป