วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

จะทำอย่างไร กับปัญหาความยากจน



ประกาศ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี  ในวันที่   18   มกราคม   2555
การปรับ ครม. ครั้งแรก ในรอบ 6 เดือนของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์  ชิณวัตร




                          นับแต่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์  ชิณวัตร  บริหารประเทศมาครบ  6  เดือน  ก็ถึงเวลาต้องปรับครม.เป็นครั้งแรก   และสาธารณชนก็ได้เห็นโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ว่า ใครเป็นใคร ไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนจะด้วยเหตุผลประการใดก็คงเป็นเรื่องของเธอคนเดียวที่รู้แก่ใจดี  แต่เมื่อนักข่าวไปถามถึงเหตุผลของการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้  เธอก็ตอบว่า " เพื่อความเหมาะสมและความคล่องตัวในการทำงาน  "  และยังยืนยันอย่างหนักแน่นอีกว่า "  โผ ครม.ชุดใหม่นี้  เธอเป็นคนทำเองกับมือในประเทศ  ไม่มีคนนอกมายุ่งเกี่ยวด้วย "  การใช้คำพูดเหตุผลในลักษณะนี้  ก็เหมือนอดีตนายกฯ ชายคนก่อนๆที่ใช้ตอบนักข่าว แบบมักง่ายไม่หวังผล คือ จะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจ


                  แต่ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาดีบุคลิกภาพดี  เมื่อใครๆได้ฟังเธอพูดประโยคนี้แล้ว ก็คงจะรู้สึกว่า " ที่พูดนี่ มันจริง งั้นเรอะ " และที่สำคัญ ผลลัพธ์ที่ออกมามันช่างต่างจากนักการเมืองชายเป็นอย่างมาก   เธออาจจะยังไม่ทราบว่า    ผู้สนับสนุนให้เธอชนะการเลือกตั้งนอกจากคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งแล้ว  ก็มีศรัทธาจากคนหนุ่มสาววัยเรียนวัยทำงานจำนวนหลายล้าน  ที่ส่วนใหญ่เลือกเธอ   ก็เพราะต้องการได้นายกรัฐมนตรีที่เป็น ผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย  และคนสูงวัยอีกจำนวนไม่น้อย  ก็เลือกเธอเพราะเชื่อมั่นว่า  ความเป็นนายกฯ ผู้หญิงจะทำให้บ้านเมืองสงบ


                       ความเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการมาเพียงครึ่งปี   ดังนั้น การพูดจาให้สัมภาษณ์ในที่สาธารณะจึงฟังดูไม่ค่อยธรรมชาติฉาดฉานเหมือนนักการเมืองอาชีพ    ตามที่สื่อค่ายต่างๆได้ตั้งข้อสังเกตุว่า เธอพูดไปตามบท มากกว่าจะเป็นตัวของตัวเอง  และคำพูดของเธอในหลายวาระมันก็ฟังขัดหูจริงอย่างที่เขาว่า    จึงเห็นได้ว่า การจะพูดให้คนเชื่อถือและวางใจ โดยที่คนฟังคนเชียร์ไม่ต้องถอนหายใจ  นับเป็นภาระกิจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเธอเอง  ซึ่งเรื่องนี้ใครๆหรือแม้แต่แฟน  ก็คงจะทำแทนไม่ได้  และก็คาดว่า คำพูดบางคำบางประโยคของเธอที่หลุดออกไป มันอาจจะย้อนกลับมารุมเร้าให้เธอหนักใจยิ่งกว่า  การตอบกระทู้ในสภาเสียอีก  

  
                 ก็เอาเถอะ  เมื่อประชาชนได้เลือกเธอมาแล้ว  ประเทศชาติก็บอบช้ำมามากแล้ว   เราก็เชื่อว่า ไม่มีเหตุผลอันใดที่ " เธอจะปฏิเสธ การทำงานแต่เรื่องดีๆให้ประเทศชาติ และช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นอันดับต้นๆ   โดยไม่คิดที่จะไปทำเรื่องใดๆให้ตัวเองก่อน หรือ จะทำเรื่องใดๆก็ได้   "    เพราะภาระอันหนักหน่วงที่รอให้เธอดูแลแก้ไขนั้นมีมากมาย  ไม่ว่า  การดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข  การดูแลเยียวยาผู้ประสบมหาอุทกภัย   โดยเฉพาะนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนที่ยังค้างคามาหลายรัฐบาล  เรื่องหนี้สินเกษตรกร ปัญหาหนี้สินในครอบครัว  จากความไม่มั่นคงในอาชีพและการมีรายได้ไม่แน่นอน เพราะงานหายรายได้หด และที่สำคัญ คือ  เรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด  อันเนื่องมาจากปัญหาข้าวของแพงไปตามราคาน้ำมัน โดยที่ฝ่ายรัฐไม่เคยเอาชนะพ่อค้าได้แม้สักครั้ง  ต้องปล่อยให้ประชาชนแบกภาระไปตามลำพัง  โดยเฉพาะคนในชนบทต้องซื้อสินค้าแพงกว่าคนในเมือง ฯลฯ   จึงฝากให้เธอลองทบทวนใหม่อีกครั้งว่า  การใช้เงินแก้ปัญหาความยากจน เพียงอย่างเดียวนี่  มันเป็นคำตอบสุดท้าย จริงใหม ?   และฝากให้ ครม.ชุดใหม่ในรัฐบาลของเธอช่วยกันคิดดูว่า  ปัญหาความยากจนนี่ ควรจะมีแนวทางปฏิบัติให้ถูกจุดตรงเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร   ให้สมกับความคาดหวังของคนที่เขาเลือกพวกท่าน  ก่อนที่อะไรๆ  จะเปลี่ยนไป